นับตั้งแต่นวนิยายคลาสสิกเรื่อง “แดร๊กคิวล่า” ของบราม สโตกเกอร์ นักเขียนชื่อดังชาวไอริชอุบัติขึ้นมาในค.ศ. 1897 และมีการนำไปสร้างเป็นหนังผีสยองขวัญมากมายหลายเวอร์ชั่น ชาวโลกจึงรู้จักปราสาทบรานที่ถูกกล่าวถึงในนวนิยายเล่มนี้ในฐานะ “ปราสาทแดร๊กคิวล่า” และนำไปสู่ความเชื่อว่าเป็นปราสาทผีดิบจริงๆเลยกลายเป้นที่มาของทริปชวนเที่ยวสถานที่ที่เป็นตำนานอันเก่าแก่ วันนี้ทัวร์ยุโรปจะพาคุณลัดเลาะเที่ยวปราสาทบรานกัน ตำนานแวมไพร์ถูกเชื่อกันว่ามีต้นตอมาจากการปรากฎตัวของศพที่กำลังย่อยสลายในช่วงที่มีโรคระบาดหรือภัยพิบัติที่กวาดล้างยุโรปในช่วงยุคกลาง ตำนานดังกล่าวมีบทบาทสำคัญต่อคนในคาบสมุทรบอลข่านและเป็นที่มาของนวนิยายเรื่อง “แดร๊กคิวล่า” ที่นำเอาเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์จริงสมัยเจ้าชายวลาด เทเปส มาผูกเป็นเรื่องว่าพระองค์มาพักที่ปราสาทบรานและเป็นท่านเคาท์แดร๊กคิวล่าที่นอนในโลงศพตอนกลางวัน และลุกขึ้นมาตอนกลางคืนเพื่อดูดเลือดเหยื่อสาวสวย แม้ว่านิยายเรื่องนี้จะได้รับแรงบันดาลใจจากทรานซิลวาเนียและเจ้าชายวลาด แต่บรามคนเขียนก็ไม่เคยเดินทางไปที่นั่น และคนท้องถิ่นก็รู้สึกไม่ดีที่มีการนำเมืองของพวกเขาไปใช้เป็นตำนานแวมไพร์ อีกทั้งพวกเขายังเคารพนับถือเจ้าชายวลาดว่าเป็นฮีโร่ที่ทรงต่อต้านจักรวรรดิออตโตมานมากกว่าที่จะเป็นแวมไพร์กระหายเลือด จะว่าไปแล้ว ชาวท้องถิ่นเองก็อาจจะต้องขอบคุณบรามด้วย เพราะไม่เช่นนั้นปราสาทบรานคงไม่กลายเป็นไฮไลท์แหล่งท่องเที่ยวของโรมาเนีย ปราสาทบรานแห่งโรมาเนียสร้างขึ้นในปี คศ.1212 โดยอัศวินชาวเยอรมัน และเป็นปราสาทของเจ้าผู้ครองแคว้นทรานซิลวาเนีย ปราสาทสไตล์โกธิคที่มีอายุเก่าแก่กว่า 600 ปีนี้ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงใกล้เมืองบราชอฟ เพื่อใช้เป็นป้อมปราการที่ป้องกันการรุกรานจากข้าศึกพวกเติร์กแห่งอาณาจักรออตโตมาน ขณะนั้นโรมาเนียแบ่งเป็นแคว้นทรานซิลวาเนียกับวัลลาเชีย ตอนนั้นมีเจ้าชายผู้กล้าคนหนึ่งคือ เจ้าชายวลาด เทเปส ที่ปฏิบัติการรบต่อต้านการโจมตีของพวกเติร์กอย่างแข็งขัน จนเป็นที่เลื่องลือในความเก่งกล้า บ้าบิ่นและเหี้ยมโหดต่อศัตรูผู้รุกราน แม้จะกลายเป็นเจ้าของตำนานความโหดเหี้ยม แต่พระองค์ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แคว้นทรานซิลวาเนียซึ่งเป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุดของโรมาเนียยังคงมีเมืองเก่าสมัยยุคกลางที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในยุโรปหลงเหลือให้เห็น โดยเฉพาะเมืองบราชอฟ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของแคว้นที่ยังคงมีสถาปัตยกรรมแบบอังกฤษโบราณและซากปรักหักพังของป้อมปราการหลงเหลืออยู่ เมืองสวยอย่างซีบิวที่มีถนนที่ปูด้วยหินกรวดและบ้านเรือนที่ทาสีพาสเทล และเมืองซีกิชัวร่าที่มีป้อมปราการเก่า ทางเดินลับและหอนาฬิกาสมัยศตวรรษที่ 14 รวมถึงร้านค้าเล็กๆ ที่ขายวัตถุโบราณและสินค้าที่ทำด้วยมือโดยช่างฝีมือท้องถิ่นและศิลปิน ไม่ไกลจากเมืองบราชอฟและปราสาทบรานเป็นที่ตั้งของเมืองฮาร์มาน ซึ่งเป็นเมืองที่มีโบสถ์ที่สร้างเป็นป้อมปราการหลายแห่ง เช่น โบสถ์ฮาร์มานและโบสถ์แพรช์แมร์… Continue reading ท่องเที่ยวตามรอยตำนาน “แดร๊กคิวล่า”
เรียนคำศัพท์ง่ายๆ เพื่อเที่ยวสบายๆในญี่ปุ่น
รู้สึกว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ถ้าไปเที่ยวในประเทศที่มีความเป็นชาตินิยมสูง ถ้าพูดภาษาประเทศนั้นไม่ได้ พวกเขามักจะพกดิคชั่นนารีหรือ Talking Dictionary ไปด้วยเสมอ อย่างน้อยก็ทำให้อุ่นใจเวลาที่สื่อสารไม่ได้ไงจ้ะ แต่จะไปเที่ยวทั้งที่แต่ต้องแบกดิคชั่นนารีไปด้วยก็ดูกระไรอยู่ วันนี้ทัวร์ญี่ปุ่นเลยมาเป็นติวเตอร์สอนคำศัพท์ง่ายๆ ให้คุณไปเที่ยวได้แบบสบายๆกันจ้ะ อรุณสวัสดิ์ O hai yo. = โอะฮายโย สวัสดีตอนเที่ยง konnichiwa.= คอนนิจิวะ สวัสดีตอนเย็น konban wa. = คอนบังวะ ราตรีสวัสดิ์ O yasuminasai. = โอะ ยาสุมินาไซ การขานตอบ และ การขออนุญาติ ไปแล้วนะ aig te kimasu. = อิก เตะ คิมัส รีบกลับมานะ aig te ra shai = อิก เตะระชาอิ(ไช) กลับมาแล้ว tadaima. = ทะ… Continue reading เรียนคำศัพท์ง่ายๆ เพื่อเที่ยวสบายๆในญี่ปุ่น
เครื่องสำอางของฝากจากประเทศเกาหลี
ลองคิดกันดูเล่นๆ ว่าหากคุณได้มีโอกาสได้ไปทัวร์เกาหลีในขณะที่เพื่อนๆ ของคุณกำลังเฝ้ารอของฝากจากการไปทัวร์เกาหลีของคุณ คุณจะซื้ออะไรมาฝากพวกเขาเหล่านั้น บางคนอาจจะกำลังมองหานมกล้วยที่ขึ้นชื่อลือชาของแดนกิมจิ บางคนอาจจะหอบสังขารแบกกิมจิมาจากเกาหลีทั้งๆ ที่สามารถหากซื้อกินกันได้ที่ประเทศไทยแต่ถ้าจะให้ผมแนะนำแล้วผมเชื่อว่าการซื้อเครื่องสำอางจากที่นั่นมาฝากบรรดาสาวๆ บ้านเราดูจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดครับเพราะเนื่องจากว่าประเทศเกาหลีนั้นได้ชื่อว่าเป็นประเทศแห่งความสวยความงามที่สุดแห่งหนึ่งในเอเซีย อุตสาหกรรมด้านความสวยความงามของประเทศเกาหลีนั้นขึ้นชื่อลือชามากทีเดียวครับเรียกได้ว่าหน้าตาธรรมดาๆ หากไปทัวร์เกาหลีเพื่อทำศัลยกรรมกลับมารับรองทั้งหล่อ ทั้งสวยทุกรายไปครับซึ่งทางประเทศเกาหลีนี้เขาไม่ได้เชี่ยวชาญแต่เรื่องศัลยกรรมเท่านั้นนะครับหากแต่ยังรวมไปถึงเรื่องการผลิตเครื่องสำอางประทินผิวอีกด้วยดังจะเห็นได้จากเครื่องสำอางแบรนด์ดังๆ มากมายก็ล้วนแล้วแต่มาจากประเทศเกาหลีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นครีมมาสก์หน้า Snow Cream ครีมหน้าขาว ขจัดฝ้า ลดริ้วรอยต่างๆ ล้วนมีให้เลือกทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตามมีคำแนะนำและข้อเสนอแนะจากผู้ที่เคยไปทัวร์เกาหลีมาก่อนสำหรับผู้ที่คิดจะซื้อเครื่องสำอางจากประเทศเกาหลีมาเป็นของฝากว่าหากซื้อในปริมาณที่มากๆ ควรที่จะซื้อในร้าน Duty Free ที่อยู่ในบริเวณสนามบินจะได้ในราคาที่ถูกกว่าตามท้องตลาดทั่วไปอีกทั้งยังไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกหลอกขายเครื่องสำอางปลอมอีกด้วยครับ
ครีมแต้มสิวยันฮี
สำหรับแฟนพันธุ์แท้ครีมหมอยันฮีคงจะทราบกันดีว่าทางโรงพยาบาลยันฮีได้ส่งครีมของตนมาขายในท้องตลาดอยู่ 2 ชนิดด้วยกันซึ่งครีมทั้ง 2 ตัวนี้ต้องเรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ที่ใช้งานได้ผลดีอีกทั้งยังสามารถหาซื้อตามร้านสะดวกซื้อชั้นนำได้ง่ายอีกด้วย ดังนั้นในบทความตอนนี้จะนำทุกท่านไปรู้จักกับครีมหมอยันฮีทั้ง 2 ชนิดที่ว่านี้กันครับ ครีมหมอยันฮีตัวแรกที่ออกมาและเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่วัยรุ่นมากที่สุดก็คือครีมแต้มสิวยันฮี โดยครีมแต้มสิวตัวนี้ต้องถือได้ว่าเป็นสูตรลับเฉพาะของทางโรงพยาบาลยันฮีเลยทีเดียวครับที่สามารถกำจัดสิวได้หมดสิ้นเพียงแค่ชั่วข้ามคืนอีกทั้งยังมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ในระดับกลางๆ ดังนั้นจึงไม่ระคายเคืองต่อทุกสภาพผิวทำให้หมดกังวลเรื่องการแพ้สารเคมีไปได้เลย คุณสมบัติของเจ้าครีมแต้มสิวยันฮีตัวนี้ที่เด่นๆ ก็คือสามารถช่วยลดอาการอักเสบอันเกิดจากสิว ช่วยสลายสิวที่อุดตันอยู่ในระยะเวลาอันรวดเร็วและไม่ทิ้งแผลเป็นเอาไว้ ช่วยทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ด้วยคุณสมบัติที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบนี้หลายคนคงอาจจะอยากจะทดลองใช้งานกันดูบ้างแต่ก็อาจจะกลัวว่าราคาของมันจะสูงตามคุณภาพหรือไม่ซึ่งแท้จริงแล้วเจ้าครีมแต้มสิวตัวนี้เป็นของดีราคาถูกจริงๆ ครับ ราคาของครีมแต้มสิวยันฮีที่วางขายอยู่ตามท้องตลาดนี้ต้องเรียกได้ว่าเป็นราคาสำหรับผู้บริโภคจริงๆ ครับเพราะราคาที่วางขายในร้านสะดวกซื้อหลอดนึงไม่ถึง 100 บาทซึ่งหากไปซื้อตามคลินิกผิวพรรณราคาเกือบๆ 200 บาทอย่างแน่นอน ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของครีมแต้มสิวยันฮีที่โด่งดังแต่อย่างไรก็ดียังคงเหลือครีมยันฮีอีกชนิดหนึ่งที่ทางโรงพยาบาลยันฮีนำออกมาตีตลาดความงามแต่เนื้อที่ดันหมดเสียก่อนดังนั้นจึงต้องขอยกยอดไปต่อกันในตอนหน้านะครับ
คำแนะนำสำหรับการไปทัวร์พม่า
2 บทความที่ผ่านมาได้นำทุกท่านให้ไปรู้จักกันกับประวัติความเป็นมาของประเทศพม่ารวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ สำหรับผู้ที่กำลังคิดที่จะไปทัวร์พม่ากันไปแล้วเชื่อเหลือเกินครับว่าหลายคนคงอยากที่จะรู้แล้วว่าประเทศพม่านั้นมีสถานที่ไหนน่าท่องเที่ยวกันบ้างซึ่งก่อนจะไปถึงตรงนั้นยังมีรายละเอียดอีกเล็กน้อยสำหรับคนที่จะไปทัวร์พม่าควรรู้เอาไว้เพื่อไม่ให้ทำผิดกฎของประเทศเขาครับ ซึ่งเรื่องที่นักท่องเที่ยวหรือคนที่ไปทัวร์พม่าควรรู้ไว้มีดังต่อไปนี้ครับ หากเราคิดจะไปติดต่อสถานที่ราชการของพม่าเราควรที่จะรู้ไว้ว่าเวลาทำการของสถานที่ราชการที่นั่น จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.30-16.30 น.และหยุดทำการในวันเสาร์ อาทิตย์ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวห้ามถ่ายรูปในบริเวณสถานีรถไฟ สนามบิน และสถานที่ราชการที่มีทำการของทหารตั้งอยู่ใกล้เคียงโดยเด็ดขาดและเมื่อจะถ่ายรูปกับชาวพม่าก็ควรขออนุญาตเขาก่อนทุกครั้ง การท่องเที่ยวในพม่านั้นควรที่จะเตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบายและไม่อึดอัดถ้าต้องการไปเที่ยวบริเวณเทือกเขาตอนเหนือในช่วงฤดูหนาวควรเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย นักท่องเที่ยวควรให้ความเคารพแก่สถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นโบราณสถานหรือวัดวาอารามของประเทศพม่าอย่างเคร่งครัดอีกทั้งการจัดซื้อของประเภทเครื่องประดับเพชรพลอย หรือ สินค้าจำพวกวัตถุโบราณนั้นควรซื้อจากร้านที่มีใบรับรองจากภาครัฐหรือร้านที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมิฉะนั้นจะไม่สามารถนำออกนอกประเทศพม่าได้ส่วนใครที่อยากซื้อของปลอดภาษีทางพม่าเขาก็มีร้านขายสินค้าปลอดภาษีในอาคารผู้โดยสารขาเข้าและขาออกของสนามบินนานาชาติย่างกุ้งให้ได้เลือกซื้อกันครับ